ชู”วิสัยทัศน์ต้านโกงจุรินทร์”โยงเงื่อนไขร่วมรัฐบาล

“อลงกรณ์” ประกาศ 10 นโยบายปราบคอร์รัปชั่นของพรรคประชาธิปัตย์”ยกระดับเป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda) เพิ่มโทษอาญา-ยึดทรัพย์ เร่งปฏิรูปราชการและการเมืองลดฉ้อฉลตัดเงื่อนไขรัฐประหาร พร้อมผนึกความร่วมมือภาคประชาชนส่งเสริมแพลตฟอร์มไอที.ขจัดทุจริต

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้(5 เม.ย.)ว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นเสมือนมะเร็งร้ายของประเทศที่อยู่ในขั้นวิกฤตจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเร่งด่วนโดยพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ยกระดับ
เป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda) ซึ่งผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2565 ปรากฎว่า ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 101 จาก180 ประเทศและอยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจากการประเมินล่าสุดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI)
พรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลต่อปัญหานี้และให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นจึงได้จัด”เวที ‘ฟัง-คิด-ทำ’ ต้านโกง”เพื่อรับฟังความคิดเห็นประกอบกับข้อสังเกตขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาตินำไปสู่การจัดทำเป็นนโยบายต่อต้านการทุจริตให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
โดยยึดปฐมอุดมการณ์ของพรรคที่บัญญัติไว้ว่า”พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน”และแนวทางประชาธิปไตยสุจริตโดยมีแนวทางนโยบายดังนี้


1. ยกระดับการต่อต้านคอร์รัปชั่น
เป็น”วาระแห่งชาติเร่งด่วน”(National Urgent Agenda)
2. ส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล หลักการประชาธิปไตยสุจริตและหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์(Conflict of Interest)
3. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและสื่อมวลชนในการตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐและภาคเอกชน
4. ส่งเสริมการเรียนการสอนและการปลูกฝังจิตสำนึก”โตไปไม่โกง”รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ของสังคมถึงภัยร้ายของการคอร์รัปชั่น
5. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อขจัดการคอรัปชั่นและส่งเสริมแพลตฟอร์มของภาคเอกชนและภาคประชาชนในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและแก้ปัญหาการทุจริต


6. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการโดยเฉพาะการจัดซื้อและการประมูลภาครัฐทั้งราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
7. ปฏิรูประบบราชการ การเมืองและกระบวนการยุติธรรมเพื่อความโปร่งใส การพัฒนาระบบการอนุมัติ อนุญาตให้มีความโปร่งใส การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
8. การยกเลิกกฎหมายกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทุจริต
9. การเพิ่มโทษอาญาและการยึดทรัพย์คดีฉ้อราษฎร์บังหลวง การลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับสินบนอย่างจริงจัง
10. การร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามการทุจริตข้ามชาติทุกรูปแบบภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชั่น

นายอลงกรณ์ซึ่งเป็นอดีตประธานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมฝ่ายค้านและได้รับการคัดเลือกจากสื่อมวลชนประจำรัฐสภาให้เป็น”ดาวเด่นแห่งปีของรัฐสภา”จากบทบาทการปราบปรามการทุจริตกล่าวต่อไปว่า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในเวที”ฟัง-คิด-ทำ ต้านโกง”ของพรรคประชาธิปัตย์ใน”วันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล”ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคการเมืองพรรคหนึ่งของประเทศที่ดำรงมาอย่างยาวนาน เห็นความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ความซื่อสัตย์สุจริตเป็น 1 ในอุดมการณ์ 10 ข้อนับแต่ก่อตั้งพรรคมา เป็นหลักตอกย้ำว่าประชาธิปัตย์จะดำเนินการบนหลักความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชนมาตลอด 76 ปีและต่อไปไม่มีวันเสื่อมคลาย


“วันที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ได้ยื่นเงื่อนไข 3 ข้อ โดย 1 ข้อ คือ ต้องดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่พรรคยึดมั่นมาเสมอไม่ใช่เฉพาะการเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน และหัวหน้าพรรคทุกคนไม่มีใครมีปัญหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ เพราะนี่เป็นอุดมการณ์ที่ยึดถือยึดมั่นมาตลอดเวลา
การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นภัยต่องบประมาณของประเทศ กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและยังเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยของประเทศอีกด้วย เพราะการรัฐประหารแต่ละครั้งจะหยิบยกเอาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเงื่อนไขทุกครั้ง
ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาให้สามารถบรรลุผลได้ เพราะจะให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาแก้ไขนั้นทำได้ยาก จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันขจัดภัยนี้ให้หมดไป อย่าให้การทุจริตคอรัปชั่นเป็นเครื่องมือเรียกวงจรอุบาทว์กลับมาสู่ประเทศไทยอีก และพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่าย”.